เทศน์เช้า วันที่ ๘ มิถุนายน ๒๕๕๗
พระอาจารย์สงบ มนสฺสนฺโต
ณ วัดป่าสันติพุทธาราม (วัดป่าเขาแดงใหญ่) ต.หนองกวาง อ.โพธาราม จ.ราชบุรี
ภาษาวัยรุ่นบอกทำดีได้ดีมีที่ไหน ทำชั่วได้ดีมีถมไป เขาพูดของเขา แต่ในธรรมขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าว่าทำดีต้องได้ดี ทำชั่วต้องได้ชั่ว ทำดีต้องได้ดีทั้งนั้นแหละ ทำดีได้ดีมีที่ไหน ทำชั่วได้ดีมีถมไป ตามประสาวัยรุ่นเขาแผลง แผลงเพื่อเป็นความโก้เก๋ของเขา แต่ความจริงไม่เป็นอย่างนั้นหรอก เห็นไหม เขาบอกเขียนเสือให้วัวกลัว เขียนเสือให้วัวกลัว นรกสวรรค์นี่เขียนเสือให้วัวกลัว ถ้าเขียนเสือให้วัวกลัว มันเขียนเสือแล้ววัวมันกลัวไหมล่ะ? ถ้าเขียนเสือแล้ววัวกลัวเขาเป็นสุภาษิต เขียนเสือให้วัวกลัว
นี่ก็เหมือนกัน ทำดีได้ดีมีที่ไหน ทำชั่วได้ดีมีถมไป ความชั่วของเขา ความชั่วของเขานั่นมันคือโอกาสของเขา คนที่มีโอกาสอย่างนั้น ถ้ามีโอกาสแล้วเขาทำคุณงามความดีของเขา คนที่มีโอกาสได้ทำคุณงามความดีเขาจะมีประโยชน์ของเขา คนที่มีโอกาสแล้วทำความชั่วของเขา นั่นล่ะคือนิสัยใจคอของเขา นิสัยใจคอของเขา สิ่งที่ทำมาๆ เขาต้องมีโอกาสมาเขาถึงได้มีโอกาสแบบนั้น ถ้ามีโอกาสแบบนั้น โอกาสที่เราจะทำคุณงามความดี ถ้าจิตใจคนที่เป็นคนดี ถ้าเขามีโอกาสแล้วเขาสร้างประโยชน์มหาศาลเลย แต่ถ้าจิตใจของคนมันมีโอกาสแล้ว ใช้โอกาสนั้นเพื่อประโยชน์ส่วนตน
นี่ทำดีได้ดีมีที่ไหน ทำชั่วได้ดีมีถมไป เขาทำความชั่ว เราก็รู้อยู่ความชั่ว ถ้าความชั่วเขาได้ดีอย่างไรล่ะ? เขาได้ดีเพราะโอกาสของเขาไง โอกาสที่เขาได้ แต่เขาใช้โอกาสอันนั้นไม่เป็น เพราะเขาไม่มีสติปัญญาของเขา ใช้โอกาสนั้นเป็นคุณงามความดีของเขา เขาจะสร้างของเขา แม้แต่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระโพธิสัตว์ เห็นไหม เป็นพระโพธิสัตว์สร้างคุณงามความดี เป็นหัวหน้าสัตว์ เป็นจักรพรรดิ เป็นต่างๆ สร้างคุณงามความดีเขามีโอกาส มีโอกาสแล้วทำคุณงามความดีต่อเนื่องไป
ทำความดีต่อเนื่องไป เพราะอะไร? เพราะองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้รับการพยากรณ์แล้วว่าต่อไปจะเป็นองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าไม่กลับมาอีกแล้ว ถ้าไม่กลับมาทำคุณงามความดีต่อเนื่องกันไป ทำดีต้องได้ดี คำว่าได้ดีขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เห็นไหม ถึงเวลาปฏิบัติถึงที่สุดแล้วมาเกิดเป็นเจ้าชายสิทธัตถะ เวลาประพฤติปฏิบัติมีคุณงามความดีขนาดนี้ แต่กิเลสตัณหาความทะยานอยากยังพลิกแพลงไปเรื่อย พลิกแพลงไปเรื่อย มีความท้อแท้ มีความเสียใจ เวลาปฏิบัติยังไม่ถึงที่สุดแห่งทุกข์ นี่มันก็มีของมันทั้งนั้นแหละ
แต่ด้วยอำนาจวาสนาบารมี เวลาเอาจริงเอาจังขึ้นมา ถ้าเอาจริงเอาจังขึ้นมา ความเป็นจริงในหัวใจอันนั้น เวลาชำระล้างกิเลสไปแล้ว นี่วิมุตติสุข สิ่งที่เป็นวิมุตติสุขนะหลวงตาท่านพูดบ่อยมาก ว่าถ้าจิตใจที่มันพ้นไปแล้วมันไม่มีเม็ดหินเม็ดทรายสิ่งใดความทุกข์แม้แต่เล็กน้อยเข้ามาในหัวใจนั้น ถ้ามีความทุกข์แม้แต่เล็กน้อยในหัวใจนั้น ทำไมองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าถึงต้องมีหมอชีวกเป็นหมอประจำพระองค์ล่ะ? หมอชีวกผสมยาให้องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าฉันประจำนะ เพราะว่ามีโรคลม มีโรคประจำตัว
นี่ก็เหมือนกัน ครูบาอาจารย์ของเราถ้าไม่มีทุกข์แม้แต่เล็กแต่น้อย แม้แต่เม็ดหินเม็ดทรายเข้าไปอยู่ในใจ ทำไมเจ็บไข้ได้ป่วยขึ้นมา ไอ้นู่นเจ็บ ไอ้นั่นปวด ไอ้นู่นเจ็บไอ้นั่นปวดเป็นเรื่องธรรมดา มันเรื่องของธาตุขันธ์ แต่ไม่ใช่เรื่องของหัวใจไง ถ้าเรื่องของหัวใจ เห็นไหม ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว ถ้าทำดีมาด้วยสิ่งใดล่ะ? ทำดีมาด้วยความเพียรชอบ ความเพียร ความวิริยะ ความอุตสาหะ ถ้าความเพียรความวิริยะความอุตสาหะมันมาจากไหนล่ะ? ดูสิเราทำคุณงามความดีกัน แม้แต่เล็กน้อยเราก็เสียสละกันไม่ได้ พอเสียสละไปกิเลสมันก็บอกว่านี่เสียเปรียบ คนอื่นเขาได้เปรียบๆ
ไอ้ผู้ให้ หัวใจเป็นผู้ให้ หัวใจที่มันประเสริฐ กับหัวใจที่มันเป็นผู้รับ ผู้รับมันขัดสน เห็นใจถึงเป็นผู้รับ แต่ถ้ามีครูบาอาจารย์ของเราท่านไม่ได้ขัดสน เห็นใจเป็นผู้รับ ท่านเป็นเนื้อนาบุญของโลก ดูสิเวลาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทุกคนแสวงหา ทุกคนจะอังคาสภิกษุด้วยมือ พยายามจะนิมนต์องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าไปฉันที่บ้าน มันเป็นผู้ที่ขาดแคลนที่ไหนล่ะ มันเป็นเนื้อนาบุญของเขา มันเป็นผลประโยชน์ของเขา ผลประโยชน์ของเขาเพราะอะไรล่ะ?
ผลประโยชน์ของเขา เพราะว่าสิ่งที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าประพฤติปฏิบัติมา อันนั้นเป็นธรรมๆ ธรรมในใจอันนั้นสำคัญ แต่ทำไมมีหมอชีวกเป็นหมอประจำพระองค์ล่ะ? ธาตุขันธ์มันเป็นธาตุขันธ์ นี่วัตถุมันต้องเสื่อมสภาพไปเป็นธรรมดา เราเกิดมา เราเกิดมานี่เกิดมาจากพ่อจากแม่ เราก็ได้พันธุกรรมนั้นมา ได้ธาตุ ๔ ต่อเนื่องกันมา ต่อเนื่องกันมา สิ่งที่ได้พันธุกรรมมา คนที่เจ็บไข้ได้ป่วยสิ่งใดมันก็สิ่งนั้นเป็นแดนเกิด
คำว่าแดนเกิดของโลกกับแดนเกิดของธรรม ถ้าแดนเกิดของธรรมนะ เวลาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าวันวิสาขบูชา เห็นไหม เกิดเป็นเจ้าชายสิทธัตถะ เกิดมามีกรรมเป็นแดนเกิด มีนางสิริมหามายากับพระเจ้าสุทโธทนะเป็นแดนเกิด เวลาเกิดขึ้นมา เวลาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแสวงหาขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เวลาบรรลุธรรมขึ้นมาวันวิสาขบูชาเหมือนกัน นี่จากปุถุชน จากพระโพธิสัตว์กลายเป็นองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ด้วยอะไร? ด้วยมรรคญาณ
นี่ความเกิดในใจ หัวใจที่มันเปลี่ยนแปลง เห็นไหม คุณงามความดีมันอยู่ที่นี่ ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว ทำดีได้ดีทางวัตถุเราเสียสละกัน เราเจือจานต่อกัน นั้นเป็นเรื่องของวัตถุ เกิดอำนาจวาสนา เกิดบารมี เกิดคุณงามความดี คนที่ได้รับความช่วยเหลือเจือจานจากเรา เขาระลึกถึงเราตลอดเวลา นั่นน่ะคุณงามความดีของวัตถุ วัตถุ เห็นไหม แล้วคุณงามความดีของหัวใจล่ะ? คุณงามความดีของหัวใจเราจะช่วยเหลือเจือจานกันไป
สุดท้าย เห็นไหม ดูสิองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเวลาจะนิพพานพระอานนท์ร้องไห้มาก พระอานนท์เป็นพระโสดาบันยังต้องการผู้ที่สั่งสอนอยู่ นี่ไปคร่ำครวญอยู่นะ เราก็เป็นพระโสดาบัน ยังต้องมีคนชี้นำอยู่ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าถามหาไม่เจอ ให้คนไปตามมา ให้พระไปตามมา
อานนท์อยู่ไหน?
อานนท์ไปร้องไห้อยู่ที่บานหน้าต่างนั้น
ไปเรียกอานนท์มา
อานนท์ เธอทำความดีไว้มหาศาล แม้แต่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าองค์ต่อๆ ไป ผู้ที่จะเป็นผู้อุปัฏฐากองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าก็ไม่มีใครทำความดีมากไปกว่าเธอ เธอทำความดีไว้มหาศาล อีก ๓ เดือนข้างหน้าเธอจะได้เป็นพระอรหันต์
นี่ก็คร่ำครวญ คร่ำครวญว่ายังต้องการคนสอนอยู่
อานนท์ เราบอกเธอแล้วไม่ใช่หรือ สิ่งใดสิ่งหนึ่งมีเกิดขึ้นเป็นธรรมดา สิ่งทั้งหลายต้องดับเป็นธรรมดา แม้แต่องค์ตถาคตก็ต้องดับขันธ์นิพพานไปคืนนี้
นี่ไงวัตถุมันมีสิ่งใดขึ้นมาแล้วมันต้องแปรสภาพไปเป็นธรรมดา สิ่งที่เป็นธรรมดานะ แต่เวลาเป็นธรรมดา เรามองสิ่งใดเป็นธรรมดาล่ะ? เรามองเป็นธรรมดา เป็นธรรมชาติ เราเข้าใจไปหมดเลย แต่ความทุกข์ในหัวใจสะสมไว้ไม่มีสิ่งใดไปช่วยเหลือเจือจานเลย นี่ทำความดีของวัตถุ ความดีของวัตถุมันสร้างเพื่ออำนาจวาสนาบารมี สร้างให้คนชื่นชมเรา สร้างอำนาจวาสนาบารมี บารมีมันแก่กล้า พอมันแก่กล้าเราทำสิ่งใดเราก็ทำได้ แต่ถ้ามันมีแต่ทำดีได้ดีมีที่ไหน ทำชั่วได้ดีมีถมไป มีแต่ความชั่ว มีแต่เอารัดเอาเปรียบมันจะไปเสียสละอย่างไรล่ะ? มันเสียสละมันเสียสละต่อหน้า มันฉ้อฉลของมัน มันก็ไม่สะอาดบริสุทธิ์
นี่ความลับไม่มีในโลก ใครเป็นคนคิดใครเป็นคนทำมันรู้หมดแหละ แต่เวลาเราจะมาภาวนาศีลเราต้องบริสุทธิ์ก่อน ศีลบริสุทธิ์ก่อนเราทำสิ่งใดมาถ้ามันผิดพลาดไป คนต้องมีผิดพลาด พระเราก็มีผิดพลาด พระผิดพลาดเวลาภาวนาต้องปลงอาบัติก่อน คำว่าปลงอาบัติมันจะลบล้างได้ไหม มันลบล้างไม่ได้หรอก สิ่งที่ทำมาเป็นกรรมทั้งนั้นแหละ การกระทำมันเกิดขึ้นแล้วมันมีผลของมันทั้งนั้นแหละ แต่ลบล้างๆ อะไร? ลบล้างนิวรณ์ในธรรมไง ลบล้างสิ่งที่สงสัยไง ลบล้างกิเลสที่มันจะเอามาอ้างอิงไง เราถึงปลงอาบัติ
ปลงอาบัติคือว่าข้าพเจ้าได้ทำความผิดมาแล้ว สิ่งที่ทำความผิดแล้วข้าพเจ้าสำนึก แล้วข้าพเจ้าจะไม่ทำอีกต่อไป เวลาเขาปลงอาบัติเขาปลงอาบัติกันอย่างนั้นแหละ ถ้าเขาไม่ทำต่อไป แล้วจะทำอะไรในปัจจุบันนี้ จะทำในปัจจุบันนี้ก็นี่จะเอาคุณงามความดี เราจะทำศีล สมาธิ ปัญญา จิตให้มันสงบเข้ามาเราทำปัญญาของเรา เห็นไหม นี่ความดีภายนอกความดีทางวัตถุ ความดีภายในจิตใจใครสูงส่งกว่ากัน จิตใจใครสูงส่ง สูงส่งที่ไหน สูงส่งที่ว่ามันเอาความคิด เอาหัวใจของเราไว้ในอำนาจของเรา
นี่อำนาจของเรา เห็นไหม เวลาสุขเวลาทุกข์ ใครสุขใครทุกข์ล่ะ นี่ความดีภายนอกก็ทำแล้ว ทุกอย่างก็ทำแล้ว พระเราก็บอกว่าทุกอย่างข้อวัตรปฏิบัติก็ทำแล้ว จะนั่งสมาธิทำไมไม่ได้ล่ะ? เวลาภาวนาไม่ได้ อันนี้มันเปรียบเทียบแล้ว มันเปรียบเทียบ สิ่งที่เราเกิดมา พันธุกรรมของพ่อของแม่ พันธุกรรมเราได้มา จริตนิสัยได้มาจากพ่อจากแม่ พ่อแม่อบรมมา นี่เรื่องของโลก แต่ถ้าเราปฏิบัติขึ้นมา นี่เราจะประพฤติปฏิบัติ ใจของเรา พันธุกรรมของจิต จิตที่มันได้สร้างสมบุญญาธิการมา อภิชาตบุตร บุตรที่เกิดจากพ่อแม่ ชาติตระกูลนี้ทำคุณงามความดีมากกว่านี้
แม้แต่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเกิดกับพระเจ้าสุทโธทนะ พระนางสิริมหามายา เวลาบรรลุเป็นองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแล้วก็ไปเทศนาว่าการเอาพระเจ้าสุทโธทนะเป็นพระอรหันต์ นี่ไปเอาพ่อเอาแม่ เอาหมดเลย อภิชาตบุตร นี่ก็เหมือนกัน เราเกิดจากพ่อจากแม่เป็นวัตถุ คุณงามความดีเราเกิดมาชาติตระกูลนี้ เราก็รับรู้ถึงชาติตระกูลนี้ ชาติตระกูลของเรา แต่เวลาเราประพฤติปฏิบัติขึ้นมา นี่พุทธะ พุทโธ ผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน เราเป็นศากยบุตรพุทธชิโนรส เราจะเป็นชาวศากยะ เป็นบุตรขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เราจะมีคุณธรรมของเราในใจของเรา
ถ้าเรามีคุณธรรมในใจของเรา เรามีสติมีปัญญา มีสติปัญญาเราพยายามกำหนดพุทโธของเรา เราใช้ปัญญาอบรมสมาธิของเรา เอาใจของเราไว้ในอำนาจของเรา ถ้าเอาใจของเราไว้ในอำนาจของเรา เห็นไหม เราจะน้อมไปให้สู่วิปัสสนาญาณได้ แต่ถ้าเราไม่เอาใจไว้ในอำนาจของเรา มันอยู่ในอำนาจของกิเลสไง นี่ทำดีได้ดีมีที่ไหน ทำชั่วได้ดีมีถมไป มันก็คิดไปตามประสามัน ทำไมเขาอยู่กันได้ ทำไมเขาอยู่กันโดยมีความสุข ทำไมเราต้องมาเดือดร้อน ทำไมเราต้องมาดิ้นรนของเรา มันมีความสุขจริงหรือเปล่าล่ะ?
ที่เขามีอำนาจวาสนาเพราะเขามีการกระทำของเขา เขาทำหน้าที่การงานของเขา ประสบความสำเร็จของเขา เขาทำของเขามาทั้งนั้นแหละ เพราะเขาทำของเขามาใช่ไหม แล้วเราก็เห็นเขาทำอย่างนั้น เราก็หลอกลวงตัวเองไง นี่ทำแค่นี้ก็พอ ทำแค่นี้ก็พอ แต่ถ้าคนเขามีสติปัญญา เห็นไหม นี่เขาเอาใจของเขาไว้ในอำนาจของเขา ด้วยอำนาจของเรา ด้วยสติ ด้วยปัญญา สติ เห็นไหม ดูสิเราจะสั่งใครก็ได้ ถ้าเรามีอำนาจเราสั่งใคร ใครก็จะเชื่อฟังเราทั้งนั้นแหละ แต่เราสั่งตัวเราได้ไหม? เราสั่งหัวใจของเราได้ไหม? ถ้าเราสั่งหัวใจของเราไม่ได้ หัวใจมันทุกข์ร้อนอยู่นี่เราจะทำอย่างไร?
ถ้าเราจะทำอย่างไร เราก็ได้ทำบุญกุศลแล้ว เราก็ได้ทำความดีแล้ว เราต้องทำสิ่งใดต่อไปล่ะ? ทำคุณงามความดี ความดีประจำโลก ความดีของชาติตระกูล นี่ลูกเต้าหลานเหลนของใครเขาทำหน้าที่การงานเขาส่งเสริมสังคม เขาช่วยเจือจานสังคมใด ลูกเต้าหลานเหลนนั้น ดูสิรัฐบุรุษๆ เขาเกิดจากพ่อแม่คนใด นั่นน่ะมันเป็นสิ่งที่สมบัติประจำโลก แต่หัวใจของเราเวียนว่ายตายเกิดใครจะเห็นกับเราล่ะ? ใครจะเห็นหัวใจเราที่เวียนว่ายตายเกิด ที่เกิดเกิดมาจากไหน? เกิดมาจากพ่อจากแม่มันเกิดมาในวัฏฏะ แต่เวลาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเกิดเป็นเจ้าชายสิทธัตถะ แต่เวลาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าประพฤติปฏิบัติขึ้นมา เวลาสิ้นกิเลสไปองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นศาสดา เป็นไก่ตัวแรกที่เจาะฟองอวิชชาออกมา
ฟองอวิชชามันอยู่ไหน เจาะตรงไหน อะไรไปเจาะ เราเกิดมาเราเกิดด้วยอวิชชา เกิดด้วยการครอบงำของอวิชชา เกิดด้วยความครอบงำ ความไม่รู้ไง อวิชชาคือความไม่รู้มันทำให้จิตใจนี้เวียนว่ายตายเกิดไง อวิชชาความไม่รู้ แล้วมันมีกับเราทำไม ทำไมต้องมีกับเรา ทำไมไม่มีกับคนอื่นล่ะ มันมีกับใจทุกดวงใจในวัฏสงสารนี้ พญามารมันครอบงำหมด พญามารมันไม่ปล่อยให้ดวงใจดวงใดมีความสุขสมความปรารถนาเลย มันมีแต่ชักนำไป มันผ่อนคลายให้เท่านั้นแหละ เวลาใครมาศึกษาธรรมกับองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พอเข้าใจธรรมขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า สมบัติทางโลก สมบัติทางโลกปัจจัยเครื่องอาศัย วัตถุเราแสวงหา แสวงหาหน้าที่การงานของเรามา
นี่ก็เหมือนกัน พอเราไปศึกษาธรรมขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ธรรมขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ธรรมะเป็นธรรมชาติ เราศึกษาธรรมขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ามาเป็นสาธารณะ เป็นธรรมชาติไม่ใช่ของเรา ไม่ใช่ของเรา พอเราศึกษาขึ้นมา เราพิจารณาของเราขึ้นมา โอ๋ย ซาบซึ้งๆ ซาบซึ้งมันเป็นปริยัติ มันไม่ใช่ของของเรา ถ้าเป็นของของเรา เราทำความสงบของใจเข้ามา ถ้าใจมันสงบแล้วเพราะอะไร? เพราะปฏิสนธิจิต ปฏิสนธิจิต เวลาเขาลงโทษนักโทษ เขาเอานักโทษไปขังใช่ไหม เวลาใครติดคุกกี่ปีเอาไปขัง แล้วนี่ก็เหมือนกัน สิ่งที่พญามารมันขังใจนี้ไว้ แล้วมันขังไว้ ติดคุกตลอดชีวิตเขายังมีโอกาสได้ออกจากคุกเลย
ไอ้นี่มันพญามาร กรงขังของพญามารมันขังไว้ในวัฏฏะเลย เวียนว่ายตายเกิดในวัฏฏะมันอยู่ของพญามาร เป็นเทวดา อินทร์ พรหมก็อยู่ในใต้อำนาจของมาร แม้แต่พรหมก็อยู่ใต้อำนาจของมัน นี่แล้วเรามีสติปัญญาศึกษา ศึกษาเราจะปลดเปลื้อง ถ้าเรามีสติปัญญา เห็นไหม มีสติปัญญาจิตมันสงบแล้ว ถ้าจิตสงบมันมีความสุข ความสุขเป็นอิสระชั่วคราว ประกันตัวออกมา ประกันตัวออกมาเดี๋ยวศาลตัดสินแล้วติดคุกอยู่ดี มีความสงบแล้ว แล้วทำอย่างไรต่อ? ทำอย่างไรต่อ เห็นไหม ประกันตัวออกมาแล้วเราจะหาหลักฐานอะไรไปแก้ความผิดของเรา
นี่ก็เหมือนกัน จิตสงบแล้วเรามีสติปัญญาแค่ไหน ถ้าจิตสงบมันจะเห็นกาย เห็นเวทนา เห็นจิต เห็นธรรมตามความเป็นจริง ถ้าเห็นตามความเป็นจริง เวลาเอาขึ้นศาล ศาลเขาต้องรับฟังสิ แต่ถ้ามันไม่เป็นความจริง หลักฐานมันไม่จริง หลักฐานมันเป็นจินตนาการ มันเป็นหลักฐานเฉพาะตน หลักฐานทางราชการเขาไม่ยอมรับ นี่ก็เหมือนกัน ความเห็นของเรา ความเห็นของเรา คิดกันไป เขียนเสือให้วัวกลัว นี่ทำดีได้ดีมีที่ไหน ทำชั่วได้ดีมีถมไป คิดไปเองแต่มันไม่เป็นความจริง ไม่เป็นความจริงที่ไหน มันไม่เป็นความจริงที่ว่ามันไม่เป็นความจริงผลของวัฏฏะ วัฏฏะนี่เทวดา อินทร์ พรหมเขายอมรับความจริง เขายอมรับสิ่งนี้ เขายอมรับความจริง คนไหนชั่วเทวดาอินทร์พรหมเขารู้ของเขาได้ เขารู้ถึงความรู้สึกนึกคิดของคนนะ
นี่ปรมัตถ์จิตนี่วิชา ถ้ารู้วาระจิตของคน คนคิดอย่างไร เห็นไหม นี่เวลาคิดแต่เรื่องความเห็นแก่ตัว จิตใจมันมีน้ำหนักกดถ่วงให้จิตใจนี้ต่ำลง ถ้าคนคิดแต่คุณงามความดี จิตใจคิดแต่คุณงามความดี มันเสียสละ มันเบา มันลอยขึ้นสูง นี่จิตใจผู้ที่เขามีปรมัตถ์จิตวิชาเขารู้ได้ ถ้าเขารู้ได้ รู้ไว้ทำไมล่ะ? รู้ไว้ก็เรื่องของเขา นี่ทำไมอวิชชาต้องมีกับเรา แล้วคนอื่นทำไมไม่มี มีทุกคน ในสโมสรสันนิบาตทุกดวงใจว้าเหว่ ในการเกิดของสิ่งมีชีวิตมีอวิชชาทุกดวง มีอวิชชาครอบงำทุกดวงใจ แต่เพราะองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นไก่ตัวแรกที่เจาะฟองอวิชชา เจาะฟองอวิชชาออกไป แล้วบอกแนวทางไว้ๆ บอกแนวทางเราก็ศึกษามาทั่วแนวทาง เราศึกษาจบแล้วเราทำงานได้ไหม? เรามีผลงานของเราไหม?
ถ้าเราจะมีผลงานของเรา เราต้องทำของเราให้ได้ ถ้าทำของเราได้ ทำของเราได้ เห็นไหม เวลาทำได้พอจิตสงบ โอ๋ย มันตื่นเต้นมาก มันตื่นเต้นเพราะอะไร? เพราะสิ่งนี้มันไม่มีขายในท้องตลาด สิ่งนี้ไม่มีใครช่วยเหลือเจือจานใครได้ นี่เวลาบารมีธรรม ธรรมมันเกิดนะ มันวูบลง อะไรลงมันเป็นที่เราไม่ได้บริหารจัดการ แล้วเราจะเข้าอีกไม่ได้ แต่ถ้าเราเป็นคนบริหารจัดการ เราเป็นคนเข้าเป็นคนออก ชำนาญในการเข้าและชำนาญในการออก ทำไมต้องเข้าต้องออกด้วยล่ะ? ก็จิตเป็นของเรา จิตใจเป็นของเราอยู่แล้ว ก็อยู่กับหัวใจ ทำไมต้องเข้าต้องออกด้วยล่ะ? ก็สิ่งที่มันครอบงำอยู่นี่ อวิชชาครอบงำอยู่นี่คือพญามารไง
นี่แล้วพุทธานุสติ พุทธานุสติ สติปัญญาของเรามันแยกแยะนี่มันเข้า มันแหวกอารมณ์ความรู้สึกของเราเข้าไปสู่สัจจะ เข้าไปสู่ธาตุรู้ มันเข้า แล้วเวลามันคลายตัวออกมาธรรมชาติมันเป็นอย่างนั้น มันต้องคลายตัวออกมาเป็นธรรมชาติของมัน แต่พอสติปัญญาเราพุทโธกำหนดเข้าไป บริกรรมเข้าไปจนเข้าไปถึงตัวใจ เข้าถึงตัวใจเดี๋ยวมันก็คลายตัวออก เราก็มีสติปัญญาพยายามกำหนดเข้าไป สิ่งนี้ไม่มีขายในท้องตลาด คนที่เขามีอำนาจวาสนาเขาต้องสร้างสมบุญญาธิการของเขามา
ในการประพฤติปฏิบัติใครจะมีศีล สมาธิ ปัญญาก็ต้องอยู่ที่ความเพียร ความเพียร ความวิริยะความอุตสาหะของใจ กิริยาของมัน ความคิดนี่มันเสวย กิริยามันเคลื่อนไปเหมือนการก้าวเดิน จิตมันก้าวเดินไปโดยความรู้สึกของมัน โดยมารนี้บังคับ แต่เพราะเรามีสติปัญญา เราใช้สติปัญญาแยกแยะสวนมันกลับไป สวนกลับไปสวนสิ่งที่มันบังคับให้คิดมาคิดถึงพุทโธ มันแยกแยะกลับไปบริกรรมเข้าไปถึงตัวของมัน ถ้าเข้าไปถึงตัวของมัน มันต้องมีการกระทำไง คนที่ประสบความสำเร็จในชีวิตเขายังต้องทำหน้าที่การงานของเขามา เขาไม่ได้มาลอยๆ หรอก เขาไม่ได้แบมือขอใครมา ไม่ได้แบมือขอองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ไม่มี
ในการประพฤติปฏิบัติ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าชี้ทางบอกให้เธอทำ เธอทำ เธอพยายามขึ้นมา เธอทำสิ แล้วเราก็พยายามจะทำกันอยู่นี่ไง นี่แล้วมันเขียนเสือให้วัวกลัวไหมล่ะ? เพราะมันเห็นจริง จริงเพราะอะไร? พอจิตสงบแล้วมีความสุขความสงบระงับ ถ้าจิตสงบที่มีอำนาจวาสนาบารมีเขาจะเห็นของเขานะ อดีตชาติเกิดเป็นสิ่งใดมา นี่เอาแล้ว มันจะเห็นแล้ว อดีตชาติเป็นอย่างไรมา เพราะมันต้องมีที่มาที่ไปสิ จิตนี้มันต้องมีที่มา มันมาอยู่นี่มันมาจากไหน? มันต้องมีที่มาสิ มันจะกระโดดมาจากไหน ไม่ใช่กบ กระโดดขึ้นมาจากสระ ไม่ใช่ จิตนี้มันต้องมีที่มาที่ไปสิ ถ้าจิตมันรู้ของมัน มันเห็นของมัน มันสังเวชนะ มันสังเวชขึ้นมา นี่สิ่งนี้เป็นผลของวัฏฏะ
ปัจจุบันนี้เราเป็นศากยบุตรพุทธชิโนรส เราเป็นบริษัท ๔ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าฝากธรรมวินัยนี้ไว้ ฝากธรรมคือสัจจะ ฝากไว้ แล้วเราพยายามค้นคว้า พยายามแสวงหา พยายามประพฤติปฏิบัติขึ้นมา เราค้นคว้าให้เป็นจริงขึ้นมา พอเป็นจริงขึ้นมา นี่ไงเป็นจริงเพราะอะไร? เป็นจริงเพราะการกระทำ ไม่ใช่เป็นจริงเพราะความเชื่อใครมา ไม่ใช่เป็นความจริงเพราะอาจารย์คอยจี้คอยไชมา อาจารย์คอยบอกทาง อาจารย์คอยบำรุงส่งเสริมให้มีกำลังใจแล้วกระตุ้นมา
แต่เราทำๆๆ เพราะเราทำนี่ไงมันถึงเป็นปัจจัตตัง ถึงเป็นสันทิฏฐิโก เพราะเราทำเอง มันต้องมีใครบอก มันต้องยืนยันกับใคร ก็เราทำเอง ทำเองมันต้องเป็นปัจจัตตัง มันเป็นความจริงขึ้นมา แล้วมันจะไปเชื่อไหมว่าทำดีได้ดีมีที่ไหน จะเชื่อไหม? จะเชื่อเขาไหม? เพราะอะไร? เพราะกว่าจะเป็นสมาธิอาบเหงื่อต่างน้ำ ทุกข์ยากมาขนาดไหน จะเกิดปัญญาแต่ละเที่ยว แต่ละหนมันต้องออกแสวงหาขนาดไหน มันไปฟังใครมา มันไปจำของใครมา
จำมาก็จำมาเริ่มต้น จำมาตั้งแต่หลวงปู่เสาร์ หลวงปู่มั่น ท่านเป็นคนชี้นำ เป็นคนทำข้อวัตร เราก็เดินตามแนวทางนั้น แต่เวลามันเป็นขึ้นมามันย้อนทวนกระแสกลับมา มันรู้มันเห็นของมัน เพราะมันรู้เห็นของมัน มันถึงสำรอกคายกิเลสของมัน มันถึงเป็นความจริงของมัน แล้วมันจะไปเถียงไหมว่าทำดีได้ดีมีที่ไหน ทำชั่วได้ดีมีถมไป เขาอาบเหงื่อต่างน้ำเขาถึงมีหน้าที่การงาน เขาถึงมีปัจจัย มีวัตถุดำรงชีวิต เพราะเรามีสติมีปัญญา จิตมันย้อนทวนกระแสกลับเข้าไป เห็นไหม
เขาอาบเหงื่อต่างน้ำ เขาทุกข์ยากขนาดนั้น ก็งานสาธารณะ งานเพื่อประกอบสัมมาอาชีวะ งานเพื่อหาวัตถุไว้ให้กับชาติกับตระกูล แต่เวลาทำของเรา นี่เวลาทำขึ้นมาเราก็มีพ่อมีแม่เหมือนกัน พ่อแม่ของเราท่านก็มีอาชีพของท่านไป แต่ถ้าเราปฏิบัติขึ้นมา นี่มันเป็นผลงานของใคร มันเป็นผลงานของใจดวงนี้ไง มันเกิดมรรคญาณ ญาณหยั่งรู้ ญาณหยั่งรู้ความรู้เราจะปลด เราจะเอาจากใจเราไปยัดใส่ใจคนอื่นได้ไหม? ถ้าเขาไม่ได้เกิดญาณหยั่งรู้จากใจของเขาขึ้นมา ถ้าเขาไม่เกิดญาณหยั่งรู้ เกิดจากศีล สมาธิ ปัญญา เกิดจากมรรคเกิดจากผล เกิดจากการปฏิบัติที่แท้จริงอันนั้นขึ้นมามันจะเป็นความจริง
ถ้ามันมีอันนี้ขึ้นมาแล้วมันจะไม่โต้ไม่เถียงหรอกว่าทำดีได้ดีมีที่ไหน ทำชั่วได้ดีมีถมไป เพราะอะไร? เพราะสิ่งนี้เกิดจากการกระทำ เกิดจากคุณงามความดี เกิดจากความบากบั่น เห็นไหม คนเราจะล่วงพ้นทุกข์ด้วยความเพียร ความเพียรความวิริยะความอุตสาหะของเรา กระทำของเราเพื่อประโยชน์กับเรา เอวัง
b